กระเทียมอุดมไปด้วยสารอาหารและช่วยป้องกันโรคได้ แต่แพทย์เตือนว่าผู้ที่กินกระเทียมไม่ถูกต้องอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและอาจทำให้โรคเรื้อรังแย่ลงได้
กระเทียมได้รับการยกย่องให้เป็น “ยาปฏิชีวนะจากธรรมชาติ” มานานแล้ว โดยมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น เพิ่มความต้านทาน ป้องกันมะเร็ง ดีต่อหัวใจ และช่วยบำรุงกระดูกและข้อต่อ
อาจารย์แพทย์ Ha Hai Nam โรงพยาบาล K ระบุว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะใช้กระเทียมได้ การใช้กระเทียมมากเกินไปหรือใช้ในเวลาที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุคคลสามกลุ่มต่อไปนี้:
ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เตรียมตัวผ่าตัด
กระเทียมมีคุณสมบัติในการทำให้เลือดบางลง ยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือด จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีเลือดออก อันตรายอย่างยิ่งต่อผู้ที่กำลังรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือกำลังเตรียมตัวผ่าตัด การรับประทานกระเทียมมากเกินไปในช่วงเวลานี้อาจทำให้เลือดออกไม่หยุดระหว่างการผ่าตัด หรืออาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกภายในได้
ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร
กระเทียมมีสารประกอบกำมะถันจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย และอาจถึงขั้นระคายเคืองกระเพาะอาหารได้หากรับประทานดิบหรือรับประทานในปริมาณมาก สำหรับผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหาร โรคทางเดินอาหาร ปวดท้อง หรือท้องอืด การรับประทานกระเทียมอาจทำให้อาการแย่ลงได้ นอกจากนี้ กระเทียมยังไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการลำไส้แปรปรวน
ผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน
กระเทียมช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยป้องกันกรดและอาหารไหลย้อนจากกระเพาะอาหาร เมื่อกล้ามเนื้อนี้อ่อนแรงลง ผู้ป่วยจะมีแนวโน้มที่จะมีอาการแสบร้อนกลางอก คลื่นไส้ และเจ็บหน้าอก ดังนั้น ผู้ที่มีภาวะกรดไหลย้อนควรจำกัดหรือหลีกเลี่ยงการรับประทานกระเทียม โดยเฉพาะกระเทียมดิบ
ประโยชน์ของกระเทียม
แม้ว่าจะต้องระมัดระวัง แต่หากใช้กระเทียมอย่างถูกต้องก็ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย:
การป้องกันมะเร็ง: สารออกฤทธิ์ในกระเทียม เช่น ซีลีเนียมและเจอร์เมเนียม มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการกลายพันธุ์ของเซลล์ จึงช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งกระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ ตับ และโพรงหลังจมูก
เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: กระเทียมอุดมไปด้วยกำมะถัน ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัสอย่างมีประสิทธิภาพ การรับประทานกระเทียมดิบทุกวันช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดไข้หวัดใหญ่ได้ถึง 63% และช่วยลดระยะเวลาของการเจ็บป่วย
การปกป้องหลอดเลือดและหัวใจ: กระเทียมช่วยปรับสมดุลคอเลสเตอรอล ลดไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างมาก
ดีต่อกระดูกและข้อต่อ: ด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และเอนไซม์อันอุดมสมบูรณ์ กระเทียมจึงช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม ป้องกันโรคกระดูกพรุน และลดอาการปวดกระดูกและข้อต่อ โดยเฉพาะในสตรีวัยก่อนหมดประจำเดือน
สนับสนุนโรคเบาหวาน: กระเทียมช่วยลดน้ำตาลในเลือดตามธรรมชาติ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี
ข้อควรทราบในการใช้กระเทียม
- ไม่ควรรับประทานกระเทียมในขณะท้องว่าง โดยเฉพาะกระเทียมดิบ เพราะอาจระคายเคืองเยื่อบุในกระเพาะอาหารได้ง่าย
- ไม่ควรทานกระเทียมมากเกินไปในแต่ละวัน ปริมาณที่แนะนำคือกระเทียมดิบประมาณ 1-2 กลีบ หรือกระเทียม 3-4 กรัมต่อวัน
- ควรใช้กระเทียมสุกเพื่อลดผลข้างเคียง แต่ยังคงได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่
กระเทียมถือเป็นยาธรรมชาติที่มีคุณค่า แต่เพื่อให้ได้รับประโยชน์และหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ผู้ใช้จำเป็นต้องเข้าใจสภาพสุขภาพของตนเองและใช้ให้ถูกต้อง