“ภูมิธรรม” ระบุกัมพูชาละเมิดข้อตกลงพื้นที่โนแมนแลนด์ 200 เมตร ยันไทยมีหลักฐาน ทำหนังสือประท้วงมาโดยตลอด บอกหากการเจรจา JBC ไม่เป็นผล พร้อมปิดด่าน ชี้หากมีการประกาศกฎอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งการได้ทันที ลั่นอย่าเอาเรื่องเล็กน้อยมาเป็นประเด็นการเมือง


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 มิ.ย. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ถึงข้อมูลที่เผยแพร่ออกไปในปัจจุบันว่า ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่าในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด ภาพที่เห็นอาจเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสนและบ่อนทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน
ทั้งนี้ แนวคิดการปิดด่านของแม่ทัพภาคที่ 2 หมายความว่าหากการเจรจา JBC ไม่สำเร็จ การปิดด่านคือมาตรการต่อไป ซึ่งเป็นการดำเนินการตามลำดับขั้นตอน นอกจากนี้ ยังมีกรรมการบริหารและโฆษกพรรคการเมืองบางพรรค นำข้อความไปโพสต์ในกลุ่ม LINE ต่าง ๆ ซึ่งไม่เป็นผลดี เพราะการเผยแพร่ข้อมูลเท็จส่งผลกระทบมาก โดยเฉพาะในฐานะกรรมการบริหารพรรค ควรระมัดระวังให้มาก ตนมองว่าพรรคฝ่ายค้านควรมีสติ เพราะในวันนี้เราต้องการความร่วมมือ ข้อเสนอแนะสามารถทำได้ แต่อย่านำข้อมูลเท็จไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่ามีการเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แต่กลับมีการเรียกประชุมวงอื่นแทน ทำให้เหล่าทัพรอเก้อ นายภูมิธรรมยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อวานนี้ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ก็ได้ลงพื้นที่กับตน และมีการสั่งประชุมสมช.ชุดเล็ก เพื่อพิจารณาเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจะมีรายงานสรุปส่งให้ตน และได้สั่งการให้สมช.ในฐานะฝ่ายนโยบาย ประชุมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การทำงานของฝ่ายนโยบายกับฝ่ายปฏิบัติการสอดคล้องกัน หากมีการปิดด่าน สมช.จะต้องเป็นผู้พิจารณาโดยตรง แต่หากมีการประกาศกฎอัยการศึก อำนาจจะอยู่ที่แม่ทัพภาคที่ 2

นายภูมิธรรมยังกล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีฯ ได้กลับมาหารือที่ทำเนียบรัฐบาล มีทั้งอธิบดีกรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศ ผบ.ทบ. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายกรัฐมนตรี และตนเอง ยืนยันว่าเราทำงานตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าไม่ทำอะไร แม้จะถูกโจมตีทางการเมืองอย่างไร ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าทำให้ประเทศชาติเสียหาย เพราะเรื่องนี้สำคัญที่สุด และเชื่อว่าทุกคนรักประเทศ ขอให้ระมัดระวังข่าวปลอม เพราะทำให้เกิดความเข้าใจผิดและบั่นทอนรัฐบาล
ในกรณีที่กัมพูชารุกล้ำเข้าพื้นที่อ้างสิทธิ์ประมาณ 200 เมตร นายภูมิธรรมอธิบายว่า ขณะนี้อยู่ในกระบวนการของกลไก JBC โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตที่มีความทับซ้อน เรียกว่า “โนแมนแลนด์” ยอมรับว่ามีการล้ำเข้ามาจริง แต่ไม่ได้ล้ำเข้ามาในเขตแดนโดยตรง ซึ่งถือว่าละเมิดข้อตกลง JBC ข้อ 5 โดยตนเชื่อว่ากลไก JBC จะสามารถแก้ปัญหาได้ หากอีกฝ่ายไม่ยอมรับก็จะเป็นปัญหาต่อไป พร้อมย้ำว่า การที่กัมพูชาเข้ามาในพื้นที่โนแมนแลนด์ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลง แต่ยังไม่ถือว่าเป็นการบุกแผ่นดินไทย เพราะพื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการเจรจา ยืนยันว่าใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหา ไม่ใช่การยอมจำนน
นายภูมิธรรมกล่าวเพิ่มเติมว่า ข่าวที่ออกมาส่วนใหญ่เป็นข่าวที่สร้างความแตกแยกภายใน ไม่ควรนำเรื่องเล็กน้อยมาใช้เป็นประเด็นการเมืองหรือทำลายเครดิตของตน
ขณะเดียวกัน นายภูมิธรรมกล่าวถึงเวทีประชุม IISS Shangri-La Dialogue ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นเวทีหารือด้านความมั่นคงที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก โดยในขณะที่ประเทศฟิลิปปินส์กำลังหารือกับไทย มีนายทหารกัมพูชาคนหนึ่งถามความคิดเห็นทางฟิลิปปินส์เกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต ซึ่งนายภูมิธรรมชี้แจงว่า ผู้ถามไม่ใช่ตัวแทนรัฐบาลกัมพูชา จึงไม่ถือเป็นสาระสำคัญที่ต้องไปตอบโต้อะไร
เขายังระบุอีกว่า ได้สั่งให้กองทัพบกเตรียมความพร้อมตั้งแต่กรณีกัมพูชาเผาศาลาตรีมุข ยืนยันว่ากองทัพพร้อมรับสถานการณ์ และหากมีการละเมิดข้อตกลงก็จะดำเนินการผ่านกลไก JBC ซึ่งมีกำหนดประชุมในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ที่กรุงพนมเปญ โดยฝ่ายไทยเตรียมการมาอย่างดี และทุกครั้งที่มีการประท้วง กองกำลังสุรนารีได้ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการเสมอ ย้ำว่าไทยไม่ได้ยอมรับการกระทำใดที่เป็นการละเมิดข้อตกลง
เมื่อถามว่า ระหว่างรอการเจรจาทุกฝ่ายควรหยุดกิจกรรมหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ควรเป็น แต่ก็ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของแต่ละฝ่ายได้ หากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ไทยจะดำเนินการตามความเหมาะสม พร้อมย้ำว่า การเจรจาไม่ได้หมายถึงการยอมแพ้
ส่วนการประชุม สมช. นายภูมิธรรมยืนยันว่า ได้มีการประชุมวงเล็กไปแล้วเมื่อวานนี้ และกำลังตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อติดตามเรื่องนี้เป็นพิเศษ คณะกรรมการชุดเล็กได้เสนอรายชื่อประธานแล้ว ซึ่งจะมีการเสนอให้สมช.ชุดใหญ่พิจารณาต่อ ทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตน ไม่ต้องกังวล

เมื่อถูกถามว่าจะใช้กลไกแบบเดียวกับเมียนมาหรือไม่ นายภูมิธรรมระบุว่า กลไก ปชด. เป็นกลไกที่มีอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าบ่ายนี้จะมีการประชุมกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่าไม่มี เพราะได้รายงานผ่านไลน์ให้กับนายกฯ แล้ว และบ่ายนี้ตนไม่อยู่
ส่วนกรณีที่กลุ่ม คปท. จะไปที่กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรมกล่าวว่า หากจะไปก็ไป ไม่เป็นไร มีเจ้าหน้าที่รับเรื่องอยู่แล้ว ไม่ได้หนีไปไหน เพียงแต่มีภารกิจ
เมื่อถูกถามถึงความขวัญของประชาชนบริเวณชายแดน นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะลงพื้นที่ได้ชี้แจงทุกประเด็นต่อประชาชน โดยมีตนเอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และแม่ทัพภาค 2 ชี้แจงร่วมกัน
เมื่อถามว่าพื้นที่ชายแดนมีการประกาศกฎอัยการศึกหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแม่ทัพภาคแต่ละพื้นที่ และแม่ทัพทราบดีว่าหากถึงจุดจำเป็นต้องดำเนินการอย่างไร
สำหรับกรณีที่มีการพูดถึงบทบาทของนายทักษิณ ชินวัตร กับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาในการยุติปัญหา นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีอะไร ฝ่ายปฏิบัติการทำงานเต็มที่ ส่วนตัวไม่ทราบว่านายทักษิณจะหารือหรือไม่ เพราะตนทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายเมื่อถูกถามว่า การประชุม JBC จะหารือเฉพาะกรณีช่องบก ไม่รวมถึงเกาะกูดและพื้นที่อื่นใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า การเจรจาควรโฟกัสเฉพาะจุด เพราะยิ่งพูดกว้างยิ่งจบยาก ฝ่ายกัมพูชาต้องการขยายประเด็น แต่ไทยจะพูดเฉพาะจุดที่มีปัญหา หากเราไปตามเขาเท่ากับเปิดปมใหม่ ย้ำว่าสื่ออย่าหลงประเด็น เพราะกรณีศาลโลกนั้น กัมพูชาแค่พูดฝ่ายเดียว ไม่มีผลใด ๆ เพราะรัฐบาลไทยไม่เคยยอมรับผลการตัดสิน และคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 ก็มีมติไม่รับรองศาลโลก หากกัมพูชาเสนอก็ต้องรอไทยยอมรับก่อน ยืนยันว่าเราจะให้จบที่เวที JBC เท่านั้น และเรายังคงใช้สติในการจัดการทุกประเด็น พร้อมเตรียมการตลอดแนวชายแดน