วิธีดูยางรถยนต์หมดอายุที่ถูกต้อง หากเจออาการต่อไปนี้รีบเปลี่ยนทันที

13 ม.ค. 2568 เวลา 15:18 น.

ยางรถยนต์เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้รถของคุณขับเคลื่อนได้อย่างปลอดภัย การตรวจสอบอายุของยางเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากยางรถยนต์มีอายุการใช้งานที่จำกัด แม้ว่าจะไม่ได้ใช้งานบ่อย แต่ยางก็เสื่อมสภาพตามกาลเวลา นั่นก็เพราะยางประกอบด้วยวัสดุที่ย่อยสลายได้ เมื่อเวลาผ่านไป ยางจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความสามารถในการยึดเกาะถนน ทำให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ลดลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

วิธีตรวจสอบอายุยาง

การตรวจสอบอายุของยางรถยนต์นั้นง่ายมาก เพียงแค่ดูที่แก้มยาง จะพบตัวเลข 4 หลักเรียงกันอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม ตัวเลขชุดนี้จะบอกถึงสัปดาห์และปีที่ผลิตยาง

ตัวเลข 2 หลักแรก – แทนสัปดาห์ที่ผลิตยาง

ตัวเลข 2 หลักหลัง – แทนปีที่ผลิตยาง (2 หลักสุดท้าย)

ตัวอย่างเช่น หากพบตัวเลข 1820 บนแก้มยาง แสดงว่ายางผลิตขึ้นในสัปดาห์ที่ 18 ของปี 2020 นั่นเอง

อายุการใช้งานของยางรถยนต์

โดยทั่วไปแล้ว ยางรถยนต์จะมีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี นับจากวันที่ผลิต แม้ว่ายางจะยังมีดอกยางเหลืออยู่ก็ตาม แต่หากเกินอายุการใช้งานแล้ว ยางก็อาจเสื่อมสภาพและไม่สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย

สำหรับ 5 อาการบ่งบอกว่ายางหมดอายุแล้ว

1. ยางแข็ง – ยางที่เสื่อมสภาพจะมีความแข็งและไม่ยืดหยุ่นเท่ากับยางใหม่ ทำให้การยึดเกาะถนนลดลง

2. เสียงดังผิดปกติ – เสียงดังขณะขับขี่ เช่น เสียงหอน หรือเสียงดังกึกกัก อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ายางมีปัญหา

3. ยางบวม – ยางที่บวมมักเกิดจากการบรรทุกน้ำหนักเกิน หรือการขับรถด้วยความเร็วสูง เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าโครงสร้างภายในของยางเสียหาย

4. รอยแตกบนแก้มยาง – รอยแตกบนแก้มยางเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ายางเสื่อมสภาพจากอายุ และอาจระเบิดได้ขณะขับขี่

5. ดอกยางสึกหรอไม่สม่ำเสมอ – หากดอกยางสึกหรอจนถึงขีดจำกัด หรือสึกหรอไม่สม่ำเสมอ แสดงว่ายางอาจมีปัญหา เช่น ปัญหาการบาลานซ์ล้อ หรือปัญหาที่ระบบช่วงล่าง

ทำไมต้องเปลี่ยนยางเมื่อยางหมดอายุ

ความยืดหยุ่นลดลง – ยางที่อายุมากจะสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้การยึดเกาะถนนลดลง

ความแข็งแรงลดลง – โครงสร้างภายในของยางอาจเสื่อมสภาพ ทำให้ยางเสี่ยงต่อการเกิดรอยร้าวหรือแตก

เสี่ยงต่อการระเบิด – ยางที่เสื่อมสภาพมีโอกาสระเบิดขณะขับขี่สูงขึ้น

ประสิทธิภาพในการเบรกลดลง – ยางที่เสื่อมสภาพจะทำให้ระยะทางในการเบรกเพิ่มขึ้น