คุณปู่เฮนรี่ เซิง อายุ 111 ปี เป็นอดีตนักธุรกิจที่เกิดในญี่ปุ่น และอาศัยอยู่ในลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 1975 เขามักเลือกกินอาหารฟาสต์ฟู้ดเมื่อออกไปทานกลางวัน โดยเฉพาะชอบเส้นสปาเก็ตตี้และเบอร์เกอร์ แต่สุขภาพของเขายังคงน่าชื่นชม เพราะยังไปฟิตเนสและทำกิจกรรมต่างๆ ทุกวัน
3 เคล็ดลับของชายวัยเกิน 100 ปี
1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน
คุณปู่เฮนรี่ออกกำลังกายตลอดชีวิต โดยเลือกทำหลายกิจกรรม เช่น ว่ายน้ำ โยคะ และกีฬากลางแจ้ง เขายังสามารถทำท่าโยคะ “ทรงตัวด้วยศีรษะ” ได้เมื่ออายุ 80 ปี และยังเต้นแอโรบิกและเต้นรำเมื่ออายุ 90 ปีอย่างสม่ำเสมอในเวลา 06.30 น.
เทรนเนอร์ที่ฟิตเนส กล่าวว่า คุณปู่เฮนรี่เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนในคลาส เพราะเขาเข้าร่วมชั้นเรียนออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และปั่นจักรยาน 30 นาทีบนเครื่องออกกำลังกายทุกวัน
ด้วยเหตุนี้ คุณปู่เฮนรี่จึงไม่รู้สึกว่าตัวเองแก่ลง และถึงกับไม่สนใจอายุของตัวเอง
“ยิ่งคุณมีอายุมากขึ้น คุณยิ่งต้องออกกำลังกายมากขึ้น” คุณปู่เฮนรี่ กล่าว แม้ในวันที่ไม่ออกกำลังกาย เขายังชอบขยับตัวและทำท่าโยคะง่ายๆ
เมื่อตอนที่ภรรยาของคุณปู่เฮนรี่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาได้จ้างครูโยคะมาฝึกที่บ้านเพื่อให้ทั้งคู่ได้ร่วมกันฝึกซ้อม ภรรยาของคุณปู่เฮนรี่เสียชีวิตเมื่ออายุครบ 100 ปี ในปี 2013 ตามที่บุตรสาวของเขาเล่า พ่อแม่ของเธอมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี โดยหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่สูบบุหรี่
คุณปู่อายุ 111 ปีรายนี้ ยังชอบใช้เวลาอยู่ในแสงแดดที่สวนประมาณ 1-2 ชั่วโมง หลังจากออกกำลังกาย “ผมชอบอากาศบริสุทธิ์ ต้นไม้มากมาย ท้องฟ้าสีฟ้ากว้างใหญ่ และไม่มีผู้คนมากเกินไป” เฮนรี่ เซิง กล่าว
เฮนรี่ เซิง ยังมีแนวทางการรับประทานอาหารตามหลักการ “เช้ากินเหมือนกษัตริย์ กลางวันกินเหมือนเจ้าชาย และเย็นกินเหมือนคนเร่ร่อน” ซึ่งเป็นนิสัยการรับประทานอาหารที่คุ้นเคยของหลายๆ คนในประเทศไทย คุณปู่ยืนยันว่าเขาไม่ตัดอาหารชนิดใดออกจากการรับประทาน และมักจะทานอาหารให้เต็มเพียงประมาณ 70% เท่านั้น
มื้อเช้าของเขามักประกอบด้วยอาหารหลากหลาย เช่น เกรปฟรุตครึ่งลูก กล้วยครึ่งลูก ขนมปังทาเนยและแยม ไข่ต้ม 2 ฟอง โจ๊กหรือข้าวโอ๊ตครึ่งชาม กาแฟ 1 แก้ว และน้ำส้ม 1 แก้ว เขาจะรับประทานอย่างช้าๆ ขณะที่อ่านหนังสือพิมพ์หรือดูโทรทัศน์ มื้อเย็นของเขาจะค่อนข้างเรียบง่าย ได้แก่ ซุป ไข่เจียว เนื้อบด เนื้อหมูตุ๋น หรือไก่ย่าง
การศึกษาในปี 2013 โดยมหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ ของอิสราเอล พบว่า ผู้ที่กินอาหารเช้ามากที่สุดมีระดับอินซูลิน กลูโคส และไขมันในเลือดต่ำกว่าผู้ที่มองว่ามื้อเย็นเป็นมื้อหลัก นักวิจัยระบุว่าระดับนี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานและโรคหัวใจได้
4. รักษาจิตใจให้สดใส
คุณปู่เฮนรี่มักรักษาทัศนคติเชิงบวกในชีวิตอยู่เสมอ เขาเชื่อว่าความคิดบวกและการมองโลกในแง่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตมีความสุขและยืนยาว เมื่อเผชิญกับความท้าทายหรืออุปสรรค เขาจะมองหาวิธีแก้ไขและโอกาสใหม่ๆ แทนที่จะจมอยู่กับปัญหา ความสามารถในการรับมือกับความเครียดและการรักษาจิตใจให้เบิกบานเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เขามีสุขภาพที่ดีและมีอายุยืนยาว
เขามองว่าตนเองเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รอบตัวเขามักมีผู้คนประทับใจกับความสดใสและความรักที่เขามีต่อมนุษย์และชีวิต เขาเคยกล่าวว่าหนึ่งในเคล็ดลับในการมีอายุยืนยาวของเขาคือการยิ้มทุกวันและไม่เคยวิตกกังวล
“ผมก็มีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เหมือนคนอื่น แต่ผมไม่ค่อยให้ความสนใจกับมันมากนัก ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้” เฮนรี่ เซิง กล่าว
เขายังชอบช่วยเหลือผู้อื่นและรู้สึกมีความสุขเมื่อสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น โดยเขาเคยจัดแคมเปญระดมทุนเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ และสนับสนุนผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน
การศึกษาของมหาวิทยาลัยอเดเลด ของออสเตรเลีย ในปี 2005 แสดงให้เห็นว่าผู้สูงอายุที่มีเพื่อนมากมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตต่ำกว่าถึง 22% เมื่อเทียบกับผู้ที่มีความสัมพันธ์น้อยกว่า และการศึกษาที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐอเมริกา ในปี 2007 เปิดเผยว่าความเหงาเรื้อรังอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ในระดับเซลล์ได้จริงๆ