กลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนแรงในวงการกินโชว์ (Mukbang) เมื่อ “Togimochi” ยูทูบเบอร์ชาวญี่ปุ่นชื่อดังที่อาศัยอยู่ในเกาหลีใต้ ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 8.5 แสนคน ถูกชาวเน็ตจับผิดว่าทำการ “เฟกกิน” หรือการเคี้ยวแล้วคายทิ้ง จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ส่งผลให้เจ้าตัวตัดสินใจประกาศพักการทำคอนเทนต์อย่างไม่มีกำหนด

ภาพหลุดชัดเจน! เคี้ยวฮอทดอกแล้วคายทิ้งลงถัง

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวเกิดขึ้นในวิดีโอที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา โดย Togimochi ได้ถ่ายคอนเทนต์กินฮอทดอก 5 ชิ้นคู่กับน้ำอัดลม แต่ในช่วงที่เธอกำลังกินฮอทดอกชิ้นที่ 4 กลับมีช็อตที่เธอเคี้ยวอาหารแล้วคายทิ้งหลุดออกมาอย่างชัดเจน แม้ภายหลังวิดีโอจะถูกลบออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ชาวเน็ตก็สามารถแคปภาพและบันทึกหลักฐานไว้ได้จนกลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกโซเชียล

เหตุการณ์นี้ทำให้แฟนคลับหลายคนรู้สึกผิดหวังและบอกว่า “รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง” บางส่วนเริ่มตั้งข้อสังเกตย้อนหลังไปยังวิดีโอเก่าๆ ของเธอว่า แทบไม่เคยเห็นช็อตที่เธอเน้นการกลืนอาหารจริงๆ เลย ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าที่ผ่านมาเป็นการแสดงตบตาผู้ชมมาโดยตลอดหรือไม่

ประกาศพักงานยาว อ้างเหนื่อยล้าและอยากให้เวลากับครอบครัว

หลังจากเผชิญมรสุมดราม่า เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม Togimochi ได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวเพื่อแจ้งข่าวกับแฟนๆ โดยเธอระบุว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเธอทำงานหนักเกินไป จนถึงจุดที่ร่างกายและจิตใจมาถึงขีดจำกัดแล้วในช่วง 2-3 สัปดาห์ล่าสุด

เธอยังกล่าวเสริมว่า ปัจจุบันไม่มีวิดีโอที่ถ่ายสำรองไว้สำหรับลงช่องหลักและช่องรองอีกต่อไป และเธอก็ไม่สามารถฝืนถ่ายทำคอนเทนต์ใหม่ได้ในขณะนี้ จึงตัดสินใจขอพักงานแบบไม่มีกำหนดเพื่อกลับไปใช้เวลาที่มีค่ากับลูกสาวและคนใกล้ชิด หลังจากที่ต้องตรากตรำทำงานจนพลาดช่วงเวลาสำคัญในชีวิตไปมากมาย

เส้นทาง 10 ปีบนยูทูบ จากความสนุกสู่ความเหนื่อยล้า

Togimochi เผยความในใจว่าเธอทำยูทูบมานานถึง 10 ปี เริ่มต้นจากความสนุกที่ได้แบ่งปันเรื่องราวอาหารเกาหลีและญี่ปุ่น แต่พักหลังความสนุกเหล่านั้นกลับกลายเป็นความทุกข์ระทมเพราะความกดดันในการลงคลิป อย่างไรก็ตาม เธอจะยังคงอัปเดตไลฟ์สไตล์ผ่านอินสตาแกรมและบล็อกส่วนตัวต่อไป เนื่องจากไม่มีความกดดันเรื่องการตัดต่อและตารางเวลาที่ตายตัว

บทสรุปดราม่า “กินแล้วคาย”

กรณีของ Togimochi ถือเป็นบทเรียนสำคัญของครีเอเตอร์สายกินโชว์ ที่ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เมื่อถูกจับได้ว่าไม่ได้กินจริงอย่างที่นำเสนอ จึงนำมาสู่การสูญเสียศรัทธาจากผู้ติดตามและการปิดตัวลงของช่องในที่สุด