ทำไมมะเร็งตับมักเจอระยะสุดท้าย? “2 คัน 2 กลิ่น” สัญญาณเตือนที่หลายคนมองข้าม

ทำไมมะเร็งตับมักถูกตรวจพบในระยะที่ล่าช้า? สาเหตุเพราะหลายคนมักมองข้าม “2 อาการคัน 2 กลิ่น” ที่เป็นสัญญาณเตือนมะเร็งตับ

อาการเริ่มแรกของโรคมะเร็งตับมักมีสัญญาณเตือนที่หลายคนคาดไม่ถึงและมองข้ามไป ดังเช่นกรณีของชายวัย 40 ปี แซ่เซี่ย ที่ตรวจพบมะเร็งตับระยะที่ 3 โดยบังเอิญจากการไปหาหมอเรื่องปวดข้อต่อ เขาเพิ่งตระหนักว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ร่างกายได้ส่งสัญญาณเตือนมาตลอด ทั้งอาการทางสายตา ผิวหนัง และความรู้สึกเบื่ออาหาร แต่เขากลับคิดว่าเป็นแค่การเจ็บป่วยเล็กน้อยทั่วไป

ทำไมเราถึงมักไม่รู้ตัวว่าเป็นมะเร็งตับ?

แพทย์เจ้าของไข้ระบุว่า สาเหตุที่ผู้ป่วยโรคตับส่วนใหญ่มักตรวจพบเมื่อเข้าสู่ระยะลุกลาม เป็นเพราะตับเป็นอวัยวะที่มีความอดทนสูง มีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเอง และที่สำคัญคือ “ไม่มีเส้นประสาทรับความรู้สึกเจ็บปวดโดยตรง” กว่าจะรู้สึกปวดที่ชายโครงขวา ก้อนเนื้อก็มักจะมีขนาดใหญ่จนไปเบียดอวัยวะอื่นแล้ว ดังนั้นการสังเกตความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจึงสำคัญมาก

เช็กสัญญาณ “2 อาการคัน” ที่บ่งบอกโรคตับ

อาการคันที่หาสาเหตุไม่ได้และเป็นติดต่อกันนานๆ อาจไม่ใช่โรคผิวหนังธรรมดา แต่มักพบในผู้ป่วยโรคมะเร็งตับและตับแข็ง ดังนี้:


1. คันตามผิวหนัง

มักมีอาการคันรุนแรงและเรื้อรัง ทายาแก้คันก็ไม่หาย และอาจมีอาการตัวเหลืองร่วมด้วย สาเหตุเกิดจากการที่ตับไม่สามารถขับสารพิษได้ตามปกติ ทำให้ “กรดน้ำดี” (Bile acids) สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ไปกระตุ้นปลายประสาทจนเกิดอาการคันคะเยอ

2. คันตาและตาแห้ง

อาการคันตามักมาพร้อมกับตาแห้ง หรือตาขาวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ทำให้รู้สึกกลัวแสงและน้ำตาไหลง่าย นี่คือสัญญาณของความไม่สมดุลของของเหลวและสารพิษในร่างกาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อเยื่อบุและอวัยวะที่ไวต่อความรู้สึก

เช็กสัญญาณ “2 กลิ่น” ที่เกิดจากสารพิษตกค้าง

เมื่อก้อนเนื้อมะเร็งตับขยายตัว ประสิทธิภาพในการกำจัดสารพิษของตับจะลดลง ร่างกายจึงพยายามขับของเสียออกทางอื่น เช่น ลมหายใจและเหงื่อ ทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์:

1. กลิ่นปากรุนแรง

หากคุณแปรงฟันสะอาดแล้วแต่ยังมีกลิ่นปากเหม็นเน่า พร้อมกับรู้สึกขมคอหรือปากแห้ง นี่คือสัญญาณว่าตับกำลัง “สะสมพิษ” กลิ่นที่รุนแรงขึ้นเกิดจากการที่ตับไม่สามารถเปลี่ยนสภาพสารแอมโมเนียและยูเรียได้ ทำให้กลิ่นเหล่านี้ระเหยออกมาทางลมหายใจ

2. กลิ่นตัวแรงผิดปกติ

เหงื่อออกแล้วมีกลิ่นตัวแรงขึ้น เหงื่อมีสีเหลืองติดเสื้อผ้า หรือรู้สึกเหนียวตัวมากกว่าปกติ เป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังเร่งระบายพิษผ่านต่อมเหงื่อ เมื่อตับทำงานแย่ลง ของเสียที่เป็นพิษจะปะปนออกมากับเหงื่อ ทำให้เกิดกลิ่นตัวที่ฉุนและผิดปกติ

อย่ารอจนสายเกินแก้

นอกจาก “2 คัน 2 กลิ่น” นี้แล้ว อาการตัวเหลือง ปวดชายโครงขวา อ่อนเพลียเรื้อรัง และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ล้วนเป็นหลักฐานว่าตับกำลังวิกฤต สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบ บี/ซี ดื่มแอลกอฮอล์จัด หรือไขมันพอกตับ ควรตรวจสุขภาพประจำปีอย่างเคร่งครัด เพราะการเจอไว คือกุญแจสำคัญของการรักษาให้หายขาด