ใครก็ตามที่เคยจัดการกับเชื้อราในห้องน้ำหรือในบ้านคงเข้าใจดีว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะกำจัดออก โดยเฉพาะจุดที่แทบลบไม่ออกเลยอย่าง “ร่องยาแนวกระเบื้อง” ซึ่งทำจากซีเมนต์หรือเรซินที่ใช้ปิดรอยต่อระหว่างกระเบื้องในห้องน้ำ แต่เนื่องจากยาแนวซีเมนต์มีรูพรุนตามธรรมชาติ จึงเสี่ยงต่อการเปื้อนและเกิดเชื้อราได้ง่าย เมื่อของเหลวอย่างน้ำซึมเข้าไปตามรูเล็ก ๆ บนผิว การกำจัดเชื้อราที่ฝังลึกในร่องยาแนวจึงเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก โดยเฉพาะหากเป็นบริเวณที่น้ำซึมสะสม

สมาชิกกลุ่มหนึ่งที่ติดตามผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดอย่าง Mrs. Hinch ได้เข้ามาถามว่า วิธีทำให้ยาแนวกลับมาขาวสะอาดที่สุดคืออะไร พร้อมสงสัยว่าการใช้เบกกิ้งโซดาจะได้ผลหรือควรซื้อปากการ่องยาแนวแทน

สมาชิกหลายคนรีบแชร์คำแนะนำ โดยต่างบอกตรงกันว่ามีเพียงของใช้ติดครัวที่ทุกบ้านมักมีอยู่แล้ว 2 อย่างคือ “เบกกิ้งโซดา” และ “น้ำส้มสายชู” คนหนึ่งแชร์ว่า

“เบกกิ้งโซดาทำเป็นเนื้อครีมแล้วปล่อยทิ้งไว้ จากนั้นฉีดน้ำส้มสายชูขาวตามลงไป ได้ผลดีมาก ทำให้ร่องยาแนวในห้องอาบน้ำของฉันกลับมาขาวเลย”

อีกคนเสริมว่า “อย่าใช้สารฟอกขาวกับสิ่งที่อยากให้ขาว เพราะมันจะทำให้เหลือง ใช้เบกกิ้งโซดากับน้ำส้มสายชูดีกว่า”

วิธีทำความสะอาดเชื้อราจากร่องยาแนว

1. ระบายอากาศในพื้นที่ : เปิดหน้าต่างหรือเปิดพัดลมเพื่อให้อากาศถ่ายเท

2. เตรียมน้ำยาทำความสะอาด :

   • ตัวเลือก 1: ผสมน้ำส้มสายชูขาวกับน้ำในอัตราเท่ากัน ใส่ขวดสเปรย์

   • ตัวเลือก 2: สำหรับเชื้อราที่ฝังแน่น ใช้สารละลายไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide 3%) แบบไม่เจือปนใส่ขวดสเปรย์

   • ตัวเลือก 3: ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำให้เป็นเนื้อครีม

3. ลงน้ำยา : ฉีดน้ำส้มสายชูหรือน้ำออกซิเจนลงบนร่องยาแนวที่มีเชื้อรา หากใช้เบกกิ้งโซดา ให้นำแปรงป้ายเนื้อครีมลงไปบนร่องยาแนว

4. ทิ้งไว้ : ปล่อยให้สารทำความสะอาดทำงานประมาณ 10–15 นาที เพื่อช่วยสลายเชื้อรา

5. ขัดร่องยาแนว : ใช้แปรงหรือแปรงสีฟันขัดร่องให้สะอาดทั่วถึง

6. ล้างออก : ใช้ผ้าชุบน้ำหรือฟองน้ำเช็ดคราบออกให้หมด

7. ทำซ้ำหากจำเป็น : สำหรับเชื้อราที่ดื้อ ให้ทำซ้ำ หรือใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดเชื้อราสำเร็จรูป หรือสารฟอกขาวเจือจาง (ผสม 1 ส่วนฟอกขาวกับน้ำ 10 ส่วน) อย่าผสมน้ำส้มสายชูกับฟอกขาวหรือแอมโมเนียเด็ดขาด

8. ทำให้แห้ง : เชื้อราขึ้นได้ดีในที่ชื้น ดังนั้นควรทำให้ร่องยาแนวและกระเบื้องแห้งสนิทหลังทำความสะอาด