13 ต.ค. 2568–14:13 น.สุดทน! ครูอนุบาลโอด ทำงานมา 10 ปี เจอแบบนี้หนักสุด หลังเด็กๆแห่เรียก “กล้วย” ว่า Bananini ผู้ปกครองถกสนั่น ผู้เชี่ยวชาญแนะ ห้ามดูไม่ช่วย แนะวิธีปรับพฤติกรรม
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 รายงานจากสื่อต่างประเทศ เสียงสะท้อนจากคุณครูอนุบาลท่านหนึ่งในประเทศเวียดนามกำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโซเชียลมีเดีย หลังเธอโพสต์เล่าประสบการณ์การสอนที่เต็มไปด้วยความขำปนหนักใจ ระบุว่า “หลังจากสอนเด็กมาจะครบ 10 ปี ปีนี้เป็นปีแรกที่รู้สึกหมดหนทางที่สุด”
โดยคุณครูเล่าว่า วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษเด็ก เธอได้หยิบกล้วยแล้วชูขึ้นมาถามว่า “นี่คือผลไม้อะไร?” งานนี้เด็ก ๆ กลับไม่ตอบว่า banana แต่พร้อมใจกันตอบว่า zimbanini babanini แบบมั่นใจสุด ๆ

ภาพประกอบเรื่องเล่าของคุณครูอนุบาลกลายเป็นไวรัลทันที เพราะพ่อแม่จำนวนมากพบว่า ลูกของตนเองก็มีพฤติกรรมเช่นเดียวกัน
คุณแม่คนหนึ่งเล่าถึงกรณีลูกสาววัย 4 ขวบของเธอ แม้จะไม่ได้ให้ลูกดูการ์ตูนมั่ว ๆ ที่บ้าน แต่ลูกน้อยกลับท่องชื่อแปลกประหลาดอย่าง Bombardiro Crocodilo ได้อย่างชัดเจน
“วันนั้นพาไปห้าง พอเจอของเล่นรูปจระเข้ ลูกก็ร้องเสียงดังว่า Bombardiro Crocodilo! คนรอบข้างหันมามองกันใหญ่ ฉันเองยังงงว่าลูกไปจำมาจากไหน”
อีกกรณีหนึ่ง เด็กชายเห็นแผงขายกล้วยที่ตลาดแล้วตะโกนว่า “แม่! Babanini!” จนทั้งตลาดหัวเราะกันลั่น ส่วนแม่ก็ได้แต่ถอนหายใจ

ภาพประกอบเสียงสะท้อนจำนวนมากชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า เด็กปฏิเสธคำศัพท์ภาษาอังกฤษจริง ๆ แต่กลับพูดคำแปลก ๆ ที่ไม่มีความหมายแต่ฟังสนุกแทน ไม่ว่าจะเป็น zimbanini, crocodilo, หรือ bombardino ซึ่งกลายเป็นศัพท์ใหม่ในโลกของเด็กอนุบาล
เบื้องหลังของคำศัพท์ชวนฉงนเหล่านี้คือวิดีโอจาก “Brainrot Universe” จักรวาลตัวละครแปลก ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นด้วย AI ตัวละครมักเป็นสิ่งมีชีวิตหน้าตาประหลาดกึ่งคนกึ่งสัตว์ มีชื่อเรียกเป็นคำไร้ความหมายที่ถูกออกแบบให้ฟังเพลินและติดหู วิดีโอมีจังหวะเร็ว ภาพสีสด เสียงแปลก และมักไม่มีเนื้อหาเชิงสาระใด ๆ

นอกจากนี้ เนื้อหาจากวิดีโอดังกล่าวมักมีจังหวะรวดเร็ว เปลี่ยนภาพไว ทำให้เด็กสูญเสียสมาธิ ไม่สามารถจดจ่อกับการสนทนาจริง หรือการเรียนรู้ในห้องเรียนที่เน้นการโต้ตอบ
อย่างไรก็ดี แม้ฟังดูน่ากังวล แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนรู้ยังมองในแง่บวกว่า ความสามารถของเด็กที่จำชื่อยาว ๆ อย่าง Bombardiro Crocodilo ได้อย่างแม่นยำ แสดงถึงศักยภาพด้านการจดจำและความสนใจต่อจังหวะ เสียง และภาพเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นกลไกพื้นฐานของการเรียนรู้ภาษาตามธรรมชาติ

- เปลี่ยนเนื้อหาที่เด็กดูให้เป็น เพลงภาษาอังกฤษแบบมีคุณภาพ
- ใช้วิธีเรียนรู้แบบลงมือจริง เช่น ชี้ไปที่กล้วยจริงแล้วพูดว่า “banana” เพื่อให้สมองเชื่อมโยงคำศัพท์กับภาพจริง
- ดูวิดีโอร่วมกับลูก แล้วถามกลับว่า “เมื่อกี้พูดคำว่าอะไรนะ? แปลว่าอะไร?”
- ลดเวลาอยู่หน้าจอ เพิ่มเวลาทำกิจกรรม เช่น อ่านหนังสือ วาดรูป หรือเล่นกลางแจ้ง
ผู้เชี่ยวชาญย้ำ เพราะเด็กไม่ได้ “ดื้อ” แต่กำลังเรียนรู้จากสิ่งที่ได้รับซ้ำ ๆ หากผู้ใหญ่ “เปลี่ยนจากห้าม มาเป็นชี้นำ” เด็กจะสามารถเปลี่ยน “พฤติกรรมจดจำคำไร้ความหมาย” ให้กลายเป็นพลังแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริงได้ในที่สุด