เปิดตำนาน “ราชินีเกี๊ยว” หอบลูกจากจีนมาตามหาสามีที่ไทย แต่กลับถูกทรยศ เริ่มต้นใหม่จากศูนย์ สู่ธุรกิจติ่มซำหมื่นล้าน
หลายปีก่อน หญิงสาวชาวจีนคนหนึ่ง เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาสามีที่ประเทศไทย แต่กลับพบว่าเขามีครอบครัวใหม่ไปแล้ว สุดท้ายเธอจึงหย่าแล้วพาลูกสาว 2 คนไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ก่อนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจหมื่นล้าน
จุดเริ่มต้นจากครอบครัวชีวิตคู่ที่พังทลาย
จาง เจี้ยนเหอ เกิดเมื่อปี 1945 ในครอบครัวชาวนาแถบมณฑลซานตง ประเทศจีน พ่อทิ้งไปตั้งแต่ยังเล็ก เธอเริ่มทำงานในไร่ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ และต้องลาออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ 14 เพื่อไปเป็นผู้ช่วยพยาบาล
ในวัย 22 ปี เธอพบรักกับคุณหมอชาวไทยเชื้อสายจีน ทั้งคู่แต่งงานและมีลูกสาวสองคน กระทั่งปี 1974 สามีของเธอเดินทางกลับไทยเพื่อจัดงานศพพ่อ และไม่เคยกลับมาอีกเป็นเวลาถึง 3 ปีเต็ม
เมื่อทนรอไม่ไหว จาง เจี้ยนเหอ จึงออกจากงานและพาลูกสาวสองคนตามมาที่ประเทศไทย แต่สิ่งที่พบคือสามีมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว แถมแม่สามีก็ปกป้องลูกชายไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลย
มาดามชองตัดสินใจหย่าในขณะที่ลูกสาวคนโตเพิ่ง 8 ขวบ และคนเล็กเพียง 4 ขวบ และตัดสินใจแน่วแน่ที่จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่
ชีวิตช้ำรัก สู่แม่เลี้ยงเดี่ยวในต่างแดน
ระหว่างทางกลับประเทศ เมื่อแวะเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง จาง เจี้ยนเหอ กลับตัดสินใจไม่กลับจีน และเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่นทั้งที่ไม่มีเงิน ไม่มีที่อยู่ และไม่รู้ภาษา เธอเช่าห้องเล็กๆ ขนาด 4 ตารางเมตรแบบไร้หน้าต่าง และทำงานใช้แรงวันละ 3 ที่ นอนแค่วันละ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
เธอฉีดยาให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานในตอนเช้า ล้างจานในร้านอาหารในตอนกลางวัน และล้างรถในโรงจอดรถรางในตอนกลางคืน เธอยังรับงานพิเศษเช่นตัดด้าย และมีรายได้วันละ 10 หยวน
แต่แล้วอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นเธอล้มจนกระดูกสันหลังบาดเจ็บ ทำให้ต้องหยุดงาน และถูกเลิกจ้างในทันที
จุดเปลี่ยนจาก “เกี๊ยวหนึ่งชาม”
ระหว่างพักรักษาตัวอยู่บ้าน เพื่อนคนหนึ่งมาเยี่ยม จาง เจี้ยนเห ไม่มีเงินพาเพื่อนไปกินข้าว จึงลงมือทำเกี๊ยวให้กินเอง และสิ่งที่เพื่อนได้ลิ้มลองกลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต เพื่อนคนนั้นชมว่า “อร่อยมาก ถ้าเธอเอาไปขายนะ ต้องขายดีแน่ๆ”
คำพูดนี้จุดประกายความคิด เธอจึงรีบซื้อรถเข็นและพาลูกสองคนไปตั้งร้านเล็กๆ ขายเกี๊ยวที่ “ท่าเรือหว่านไจ๋” (Wanchai Ferry)
วันแรกที่ตะโกนขายด้วยภาษากวางตุ้งที่พูดไม่ชัด เธอรู้สึกทั้งอายและประหม่า จนมีเด็กกลุ่มหนึ่งแวะมาชิม และพูดว่า “อร่อยมาก” นั่นคือคำยืนยันว่าเธอมาถูกทางแล้ว
เนื่องจากเธอเป็นแม่ค้าที่ไร้ใบอนุญาต เธอจึงต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวทุกวัน กลัวว่าจะถูกตำรวจจับ ลูกสาวทั้งสองของเธอจึงกลายมาเป็นมือขวาของเธอ ลูกสาวคนโตช่วยทำเกี๊ยวและล้างจาน ในขณะที่ลูกสาวคนเล็กรับผิดชอบดูแลรักษาความปลอดภัย เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเห็นตำรวจ ลูกสาวคนเล็กก็จะตะโกนเตือน และแม่กับลูกสาวก็จะรีบเข็นรถเข็นเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับ
แต่ไม่ว่าแดดจะร้อนหรือฝนจะตก คนที่ผ่านไปแถวนั้นจะเห็นแม่ลูกสามคนเข็นรถขายเกี๊ยวทุกเย็น จนกระทั่งเกี๊ยวของเธอเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาในย่านนั้น และสื่อท้องถิ่นก็เริ่มพูดถึงเธอ
พลิกชีวิตเป็นเจ้าของธุรกิจหมื่นล้าน
ปี 1982 โอกาสทองมาถึง เมื่อลูกสาวประธานห้าง Daimaru จากญี่ปุ่น ซึ่งปกติเป็นคนกินยาก ได้ลองชิมเกี๊ยวของเธอในงานเลี้ยง และกินเป็นสิบชิ้น นั่นทำให้ประธานห้างสนใจติดต่อขอร่วมธุรกิจ
นักธุรกิจยื่นข้อเสนอจะจัดหาเครื่องจักร เทคโนโลยี ช่วยขอใบอนุญาต และสัญญาว่าจะทำให้เกี๊ยวของเธอขายได้ทั่วฮ่องกงและญี่ปุ่น แต่มีเงื่อนไขคือ ต้องยกสูตรให้ และเปลี่ยนชื่อแบรนด์
จาง เจี้ยนเหอ ปฏิเสธทันทีโดยไม่ลังเล! “ถ้าชาวญี่ปุ่นได้สูตรกับเทคนิคไป แล้วเอาไปทำเป็นเกี๊ยวญี่ปุ่นขึ้นมา ใครจะรับประกันได้ว่าเราจะไม่โดนเขี่ยทิ้ง? ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ๆ ฉันจะทำยังไง?”
เธอจึงเลือกที่จะยึดมั่นในแบรนด์ของตัวเอง แม้จะเป็นแค่แผงลอยเล็ก ๆ แต่ก็รู้สึกมั่นคงกว่า ฝ่ายญี่ปุ่นยังไม่ยอมแพ้ วันที่สามกลับมาเจรจาอีกครั้ง โดยยอมให้ใช้ชื่อแบรนด์เดิม แต่มีเงื่อนไขว่าห้ามใส่ที่อยู่และเบอร์ติดต่อไว้บนบรรจุภัณฑ์
จาง เจี้ยนเหอ ก็ยังไม่ยอม เพราะเธอเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้สำคัญต่อการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าและการพัฒนาคุณภาพสินค้า สุดท้ายฝ่ายญี่ปุ่นจึงยอมตามเธอ
ต่อไปคือการต่อรองเรื่องราคา จาง เจี้ยนเหอ เรียกราคาส่งกล่องละ 12.5 ดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งสูงกว่าราคาขายปลีกเสียอีก ประธานบริษัทญี่ปุ่นถึงกับถามเป็นภาษาจีนกลางว่า “คุณรู้จักการทำธุรกิจรึเปล่า?”
เธอยอมรับว่าไม่รู้มากนัก แต่ก็อธิบายว่า “รูปแบบการขายของฉันตอนนี้มันง่าย ๆ พอได้ร่วมมือกับคุณ ฉันคงขายแบบเดิมไม่ได้ ต้องทำแพ็คเกจให้ดูดีและเป็นมืออาชีพมากขึ้น คิดต้นทุนแล้วต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3.5 ดอลลาร์ ราคาที่ฉันเสนอก็แค่เพิ่มจากปกติแค่ 1 ดอลลาร์ ถือว่าเหมาะสมแล้ว” ฝ่ายญี่ปุ่นฟังแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย ยอมรับว่าเธอมีหัวธุรกิจอย่างแท้จริง
เกี๊ยวตำนานฮ่องกง สู่แบรนด์ดังระดับโลก
เกี๊ยว Wanchai Ferry ถูกบรรจุหีบห่ออย่างมืออาชีพและวางจำหน่ายในห้างใหญ่ นั่นคือก้าวสำคัญจากแม่ค้าข้างถนนสู่เจ้าของแบรนด์เกี๊ยวแช่แข็งอันดับหนึ่ง
เพียง 2 ปี จาง เจี้ยนเหอ ทำให้ Wanchai Ferry กลายเป็นแบรนด์ยอดนิยมของฮ่องกง และเป็นแบรนด์ดังระดับโลกที่ครองส่วนแบ่งกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของตลาดอาหารกึ่งสำเร็จรูปประเภทติ่มซำทั่วโลก
- ปี 1985 เปิดโรงงาน 3 แห่ง
- ปี 1991จาง เจี้ยนเหอ ได้แสดงฝีมือทำเกี๊ยวในงานเทศกาลอาหารนานาชาติฮ่องกง และได้รับการยกย่องเป็น “ราชินีเกี๊ยว”
- ปี 1998 ขยายเข้าสู่จีนแผ่นดินใหญ่และกวาดยอดขายจนเป็นอันดับหนึ่งในตลาดเกี๊ยวแช่แข็ง
- ปี 2000 ได้รับรางวัล “นักธุรกิจหญิงยอดเยี่ยมระดับโลก”
- ปี 2006 คว้ารางวัล “ชาวจีนโพ้นทะเลยอดเยี่ยม”
ชีวิตที่ประสบความสำเร็จ กลับมาตอบแทนสังคม
แม้จะประสบความสำเร็จระดับโลก แต่มาดามชองยังใช้เงินช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น
-
ก่อตั้งกองทุนการศึกษามหาวิทยาลัย
-
สร้างบ้านพักคนชราในเมืองชิงเต่า
-
บริจาคให้กองทุนพัฒนาสตรีจีน
จาง เจี้ยนเหอ เสียชีวิตในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019 ด้วยวัย 73 ปี โดยทิ้งไว้เบื้องหลังคือ Wanchai Ferry ที่มีโรงงานถึง 15 แห่งทั่วโลก และรายได้ต่อปีกว่า 6,000 ล้านหยวน (2.7 หมื่นล้านบาท) ลูกสาวทั้งสองคนก็กลับมาร่วมบริหารกิจการหลังเรียนจบจากต่างประเทศ
บทเรียนจากชีวิตแม่ค้าขายเกี๊ยว
จาง เจี้ยนเหอ เคยกล่าวไว้ว่า “ผู้หญิงคนหนึ่ง ทัศนคติและความมุ่งมั่นในยามลำบากจะส่งผลต่อลูกไปตลอดชีวิต ในฐานะแม่ ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งอยู่เสมอ”
เมื่อคนเราผ่านความยากลำบากมาแล้ว จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังได้อย่างไร จะยึดมั่นในหัวใจที่แท้จริงท่ามกลางผลประโยชน์ได้อย่างไร เธอไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ยังเป็นแม่ของลูกสองคน เธอรู้ดีว่า หากอยากให้ลูกเติบโตอย่างเข้มแข็ง เธอเองต้องเป็นแบบอย่างให้ได้ก่อน ดังคำโบราณที่ว่า “สอนด้วยการกระทำ ลูกจะทำตาม สอนด้วยคำพูด ลูกจะโต้แย้ง”
แม้ความทุกข์จะยากเกินทน แต่กลับจุดประกาย “ตัวตนที่ยิ่งใหญ่” ในใจเธอ ทำให้เธอกล้าก้าวข้ามอุปสรรคด้วยความมุ่งมั่น แนวทางตัดสินสิ่งถูกผิดของเธอนั้นเรียบง่ายแต่หนักแน่น นั่นคือ “จิตสำนึก”
ความสำเร็จที่แท้จริง ไม่ได้อยู่แค่ภายนอก แต่คือการยึดมั่นในหัวใจ และส่งต่อจิตวิญญาณแห่งความเข้มแข็งจากรุ่นสู่รุ่น
เรื่องราวชีวิตของ จาง เจี้ยนเหอ ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ กำกับโดย หลิวเหว่ยเฉียง นำแสดงโดย หม่า ลี่ เข้าฉายในจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2025 และในฮ่องกงวันที่ 1 พฤษภาคม 2025