เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศ รายงานว่า คู่สามีภรรยาวัย 34 ปี อาศัยและทำงานในมณฑลเจียงซู ประเทศจีน หลังจากทำงานหนักมา 5 ปี ทั้งคู่เก็บเงินเพื่อซื้อบ้านในมณฑลเจียงซู แต่จู่ ๆ ทั้งคู่ก็ถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับ

โดยเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ภรรยาเริ่มรู้สึกเหนื่อยและมักมีอาการปวดไหล่ขวา ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นเพราะเธอทำงานหนักเกินไปจึงไม่ได้คิดอะไรมาก และไม่ได้บอกสามี หลังจากนั้นเธอก็เริ่มมีอาการปวดท้องโดยไม่ทราบสาเหตุ ในเวลานี้เธอรู้สึกไม่ปกติและบอกกับสามี เมื่อฟังเรื่องราวของภรรยา เขาก็บอกว่าตนเองมักจะปวดท้องเช่นกัน

สองสามีภรรยาตัดสินใจไปหาหมอ หลังจากอธิบายอาการแล้ว แพทย์ให้ทั้งคู่เข้ารับการส่องกล้องกระเพาะอาหาร ผลการส่องกล้องตรวจไม่พบความผิดปกติในกระเพาะอาหาร แพทย์จึงให้ทั้งคู่ตรวจการทำงานของตับ

ผลการทดสอบตรวจพบว่าทั้งสามีและภรรยามีก้อนเนื้อผิดปกติในตับ แพทย์สงสัยว่าเป็นมะเร็งจึงสั่งตรวจชิ้นเนื้อทันที ผลวินิจฉัยว่าทั้งคู่เป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย หลังจากทราบผลการวินิจฉัยของแพทย์แล้ว ทั้งสามีและภรรยาก็ตกตะลึงอย่างมาก

แพทย์ได้ทำการซักประวัติของทั้งคู่ พบว่า ทั้งคู่ทำงานสองงานพร้อมกันเพื่อหาเงิน ทำให้เวลามีจำกัดแต่ก็ยังทำอาหารกินเองเพื่อประหยัดค่าครองชีพ แต่พวกเขามักจะรีบกินข้าวและรีบทำความสะอาดเพื่อไปทำงานในตอนเย็น จึงล้างชาม ตะเกียบ และอุปกรณ์ทำอาหารอย่างเร่งรีบ เขียงไม้ล้างด้วยน้ำเพียงครั้งเดียว สิ่งนี้ทำให้เศษอาหารไปเกาะกับรอยแตกบนพื้นผิวของเขียงไม้โดยไม่ได้ตั้งใจ และทำให้เกิดเชื้อรา

แพทย์บอกว่า เศษอาหารที่เหลืออยู่ตามรอยแตกของเขียงอาจขึ้นราและผลิตอะฟลาทอกซินได้ นี่เป็นสารที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าเป็นสารก่อมะเร็งด้วย

“สามีภรรยาคู่นี้ใช้เขียงไม้ขึ้นรามาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว เชื้อราจากเศษอาหารที่เหลืออยู่บนเขียงอาจมีสารอะฟลาทอกซินซึ่งเป็นพิษต่อตับและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ” แพทย์กล่าว

ทั้งคู่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วเพื่อรับการรักษา หลังจากทำเคมีบำบัดที่โรงพยาบาลได้ 6 เดือน สามีและภรรยาก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ