เปิดเงื่อนไข 2 ข้อแรก ที่ฝ่ายกัมพูชา จะเริ่มดำเนินการ หลังลงนามแล้ว

26 ต.ค. 2568 เวลา 14:11 น.

เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา เวลา 23.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจภายหลังการรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ โรงแรมที่พัก โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงกำหนดการในวันนี้ (26 ตุลาคม 68) ซึ่งจะเข้าร่วมการพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง และการพบหารือกับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ซึ่งไทยจะใช้โอกาสนี้ ในการลงนามในสัญญาทางการค้า การพิจารณาอัตราภาษี ความร่วมมือทางการค้า ความมั่นคง รวมถึงประเด็นเรื่องสแกมเมอร์ที่คาดว่าจะมีการพูดคุยกัน ซึ่งตนเองจะเชิญประธานาธิบดีทรัมป์เยือนไทยอย่างเป็นทางการ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ประมาณ 5 นาที จะสร้างความคุ้นเคย เชื่อว่าจะได้หารือกับประธานาธิบดีทรัมป์ ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่สาธารณรัฐเกาหลี ด้วยเนื่องจากไทยกับสหรัฐฯ มีตัวอักษรภาษาอังกฤษอยู่ติดกัน

การร่วมลงนามในเอกสาร Joint Decoration ระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อกำหนดแนวทางการสร้างสันติภาพกับกัมพูชา ซึ่งการมาถึงจุดนี้ มีเงื่อนไขและข้อปฏิบัติที่ต่างฝ่ายต่างตกลงกัน แต่ในส่วนของการปฏิบัติจะต้องเริ่มจากฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตามเงื่อนไขสำคัญ 4 ข้อ ได้แก่ 1.การถอนอาวุธหนัก 2.การร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิด 3.การปราบปรามสแกมเมอร์ และ 4.การแก้ปัญหาการรุกล้ำพื้นที่เขตแดน

ซึ่งได้รับสัญญาณเชิงบวกจากฝ่ายกัมพูชาว่า เมื่อมีการลงนามแล้ว ทางฝ่ายกัมพูชาจะเริ่มดำเนินการตามเงื่อนไข 2 ข้อแรก โดยไทยจะเร่งดำเนินการในส่วนของไทยเช่นเดียวกัน

เมื่อมั่นใจว่าต่างฝ่ายต่างปฏิบัติตามข้อผูกพันแล้ว ไทยก็จะส่งคืนเชลยศึก 18 คน โดยก่อนส่งคืนจะมีการตรวจสุขภาพ เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าไทยปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา หลังจากนั้นจึงมาหาแนวปฏิบัติต่อกัน เพื่อให้ความเป็นภัยต่อกันลดน้อยลง ทั้งนี้ การลงนามในครั้งนี้เป็นการลงนามต่อหน้านายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน และสหรัฐฯ ในฐานะผู้ประสาน